แนวทางการรักษาความปลอดภัยกระเป๋าเงินดิจิทัล(Crypto Wallet) สำหรับนักลงทุน

จากกระแสความนิยมของการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีและระบบการเงินแบบกระจายศูนย์(Decentralized Finance) ทำให้มีนักลงทุนมือใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แม้เทคโนโลยีบล็อกเชนจะมีจุดเด่นในเรื่องของความปลอดภัย แต่หนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นหลายครั้งกับทั้งนักลงทุนมือใหม่และมือเก่า และยังเป็นปัญหาร้ายแรงที่ไม่ควรถูกมองข้ามซึ่งอาจสามารถสร้างมูลค่าความเสียหายมหาศาล นั่นคือปัญหาการถูกแฮ็กกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือ Crypto Wallet
โดยทางเทคนิคแล้วกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกใช้งานในการเก็บสกุลเงินดิจิทัลของผู้ใช้งาน โดยตัวมันจะทำหน้าที่เก็บ Private Key ของผู้ใช้งานซึ่งใช้สำหรับการอนุมัติการทำธุรกรรมออนไลน์ ถ้าหากอาชญากรไซเบอร์ประสบความสำเร็จในการช่วงชิง Private Key ของคุณมาได้ ผลที่ตามมาอาจไม่จบแค่การที่เงินของคุณจะหายไป แต่ยังอาจรวมไปถึงการถูกปลอมแปลงตัวตนเพื่อใช้ในการฉ้อโกงผู้อื่นทางออนไลน์
ดังนั้น Cloudsec Asia จึงขอแนะนำแนวทางปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนออนไลน์ ดังนี้
1.ปกป้องดูแลความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของตนเอง
บนคอมพิวเตอร์ของผู้ลงทุนควรจะมีการติดตั้งโปรแกรม Antivirus และ Antimalware เพื่อป้องกัน Malware ที่สามารถบันทึกข้อมูลการกดแป้นของผู้ใช้งาน โดยอาจทำให้ผู้ไม่หวังดีทราบถึงรหัสผ่านหรือแม้แต่ Private Key ได้ ทางที่ดีควรจะมีการใช้งาน Firewall ส่วนตัวเพิ่มด้วย ซึ่งโดยส่วนใหญ่โปรแกรม Antivirus ระดับพรีเมียมมักจะมาพร้อมกับ Firewall ในตัวอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นตัวคุณเองก็สามารถใช้งาน Firewall ที่ให้บริการฟรีได้โดยไม่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น Comodo firewall
2.อัปเดตทุกอย่างให้ทันสมัยอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ, แอปพลิเคชัน, หรือโซลูชันด้านความปลอดภัยต่าง ๆ (Firewall, Antivirus, Antimalware) ที่ได้ทำการติดตั้งไว้จำเป็นต้องมีการอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงช่องโหว่ใหม่ ๆ ที่อาจนำไปสู่ปัญหาทางด้านความปลอดภัย
3.เข้ารหัสข้อมูลที่สำคัญทุกครั้ง
อย่าลืมทำการเข้ารหัสข้อมูลสำคัญ อาทิ Seed Phrase ที่ใช้สำหรับสำรองการเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลทุกครั้ง วิธีนี้จะช่วยป้องกันอาชญากรไม่ให้เข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณได้ แม้ว่าระบบที่ใช้งานอยู่จะถูกเจาะสำเร็จแล้วก็ตาม
4.ใช้รหัสผ่านที่รัดกุมและแข็งแรง
อย่าลืมใช้รหัสผ่านที่รัดกุมเพื่อปกป้องกระเป๋าเงินดิจิทัลและบัญชีออนไลน์อื่น ๆ ของคุณ รหัสผ่านที่ดีควรจะต้องมียาวที่เหมาะสม ไม่ใช้รหัสผ่านเดิมซ้ำ ๆ และควรเปลี่ยนรหัสผ่านทุก ๆ 6 – 12 เดือน หรือทางที่ง่ายที่สุด คือ ใช้โปรแกรมสำหรับจัดการรหัสผ่าน เช่น KeePass ในการสร้างรหัสผ่านที่ซับซ้อนและเป็นตัวช่วยในการจัดเก็บรหัสผ่านให้ปลอดภัย
5.ปกป้องอุปกรณ์พกพาด้วยการใช้รหัสผ่าน
หากมีการใช้งานอุปกรณ์พกพาจำพวกแท็บเล็ต, แล็ปท็อป, หรือโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินดิจิทัลของคุณ อย่าลืมใช้รหัสผ่านที่รัดกุมเพื่อปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากการถูกคุกคาม
6.เปิดใช้งาน 2FA (Two-Factor Authentication)
หากคุณกำลังใช้งาน Software Wallet อย่าลืมเปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตนสองขั้นตอน หรือ 2FA เนื่องจากในกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีทราบข้อมูลบัญชีคริปโตของคุณ (อาจเป็นอีเมลหรือรหัสผ่าน) ระบบนี้จะป้องกันไม่ให้เขาสามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลของคุณได้
7.ใช้ Offline Wallet
เจ้าสิ่งนี้จะช่วยป้องกันกระเป๋าเงินดิจิทัลของคุณจากการถูกโจมตีแบบออนไลน์ได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะใช้งาน USB เฉพาะในการเก็บกระเป๋าเงินดิจิทัลของคุณ หรืออาจจะใช้ Hardware Wallet ที่ผลิตโดย Ledger หรือ Bitlox ที่มีการการันตีความปลอดภัยระดับสูง เนื่องจากตัวกระเป๋าเงินอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถแยกเก็บ Private Key ออกมาจากอุปกรณ์ที่ง่ายต่อการถูกแฮ็ก เช่น แล็ปท็อปหรือโทรศัพท์มือถือ
8.ปิดการใช้งานการล็อกอินอัตโนมัติบนอุปกรณ์
การให้คอมพิวเตอร์ช่วยจำรหัสผ่านของคุณดูเป็นทางเลือกที่สะดวกเพื่อหลีกเลี่ยงการพิมพ์รหัสผ่านในแต่ละครั้งที่คุณต้องการเข้าถึงบัญชีต่าง ๆ แต่ขอแนะนำคุณให้ทำการปิดการใช้งานการล็อกอินอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามสามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลของคุณได้ หากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคุณตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี
9.ใช้บริการ VPN
อย่าลืมใช้บริการ VPN จากผู้ให้บริการที่ไว้ใจได้ทุกครั้งก่อนเข้าใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องคริปโตเคอร์เร็นซี
10.หลีกเลี่ยงการเข้าเว็บ Phishing
เมื่อใดที่มีการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Exchange) ต้องตรวจสอบ URL ให้แน่ใจว่าคุณกำลังเข้าเว็บไซต์ที่ถูกต้อง เพราะว่าในปัจจุบันมีอาชญากรไซเบอร์พยายามปลอมแปลงเว็บไซต์ดังกล่าวเพื่อหลอกล่อให้ผู้ใช้งานเข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัว แล้วขโมยบัญชีของพวกเขา
11.ใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลมากกว่าหนึ่งกระเป๋า
มีคำกล่าวที่ว่า Don’t put all your eggs in one basket หรือก็คือ จงอย่าประมาท หากคุณมีการทำธุรกรรมรายวันเป็นปกติและมีเงินอยู่เป็นจำนวนมากในกระเป๋า ขอแนะนำให้คุณกระจายความเสี่ยงด้วยการใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลมากกว่าหนึ่งกระเป๋า โดยใส่เงินจำนวนหนึ่งลงใน Hot wallet เพื่อใช้สำหรับการทำธุรกรรมรายวันในขณะที่เก็บเงินส่วนที่เหลือไว้ใน Cold Wallet อย่างน้อยหนึ่งกระเป๋า และให้ใช้รหัสผ่านต่างกันเพื่อป้องกันกระเป๋าเงินแต่ละใบ
ข้อควรระวังด้านความปลอดภัยข้างต้นจะเป็นประโยชน์ ในการช่วยรักษาความปลอดภัยบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล และอุปกรณ์ปลายทางของนักลงทุน อย่างไรก็ตามก่อนจะทำการลงทะเบียนกับผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเจ้าใด ผู้ลงทุนควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่สูงเพียงพอในการปกป้องเงินทุนและข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน
ปกป้ององค์กรของท่านจากการโจมตีทางไซเบอร์
ติดต่อเรา Cloudsec Asia
ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำของเอเชียแปซิฟิก
Tel.+66 2117 9668
www.cloudsecasia.com
#StaffCyberSecurityAwareness
#cybersecurity
#cybersecurityisamust
#cloudsecasia