Home > Medias & Articles > DEEPFAKE ภัยคุกคามในรูปแบบวิดีโอที่ไม่ควรมองข้าม

DEEPFAKE ภัยคุกคามในรูปแบบวิดีโอที่ไม่ควรมองข้าม

ในช่วงเวลาของการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกส่งผลให้ผู้คนหันมาใช้เวลาในโซเชียลมีเดียมากยิ่งขึ้น และได้มีการนำเทคโนโลยี ใหม่ ๆ มาใช้อย่างแพร่หลายในการผลิตคอนเทนต์ประเภทวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นฟิลเตอร์และเอฟเฟ็กต์ที่สร้างด้วยเทคโนโลยี AR หรือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการตัดต่อวิดีโอ และด้วยความที่เทคโนโลยีเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้เข้าถึงและใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งยังสร้างความสนุกสนานและความบันเทิงให้แก่ผู้ใช้งานจึงเป็นสาเหตุให้มันกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก และหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าจับมองซึ่งยังเคยเป็นกระแสอยู่บนแพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังอย่าง TikTok ที่จะถูกนำมาพูดถึงในครั้งนี้ก็คือเทคโนโลยี Deepfake

คำว่า Deepfake มีรากศัพท์มาจากคำว่า Deep ที่มาจาก Deep Learning หรือการเรียนรู้ของระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งในที่นี้ได้มีการพัฒนาให้ AI เรียนรู้อัตลักษณ์ของบุคคล อาทิ โครงสร้างใบหน้า และท่าทางการเคลื่อนไหว กับคำว่า Fake ที่หมายถึงการปลอมแปลง ด้วยเหตุนี้ Deepfake จึงมีความหมายว่า “การปลอมแปลงอัตลักษณ์ส่วนบุคคลผ่านการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์”

เทคโนโลยีนี้ได้สร้างประโยชน์อย่างมากให้แก่วงการภาพยนตร์ โดยล่าสุดซีรีส์ชื่อดัง The Mandalorian ที่ได้นำเทคโนโลยี Deepfake มาใช้เพื่อเพิ่มความสมจริงของใบหน้าตัวละคร Luke Skywalker ในวัยหนุ่ม ทำให้ผลงานที่ออกมามีความแนบเนียนไร้ที่ติ แต่น่าเสียดายที่เทคโนโลยีดังกล่าวกลับไม่ได้ถูกนำมาใช้งานในด้านดีเพียงอย่างเดียว ในช่วงเวลาที่ผ่านมาบรรดานักแสดงและบุคคลสำคัญ อาทิ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ Nancy Pelosi, นักแสดงหนุ่มชื่อดัง Tom Cruise, หรือแม้แต่อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา Barack Obama ได้ถูกนำภาพใบหน้าของเขามาใส่คลิปวิดีโอ Deepfake ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและภาพพจน์เป็นอย่างมาก ซ้ำยังก่อให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตถึงระดับของความ ‘สมจริง’ ของเทคโนโลยี Deepfake ซึ่งหากมีผู้ไม่หวังดีนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในการส่งต่อข้อมูลข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงโดยใช้ใบหน้าของบุคคลที่น่าเชื่อถือและมีอิทธิพลในระดับสูง ก็อาจสร้างปัญหาร้ายแรงที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างได้ และแม้กระทั่งผู้ใช้งานทั่วไปเองก็อาจถูกนำตัวตนไปแอบอ้างหรือใส่ร้ายให้ได้ ซึ่งอาจนำพามาซึ่งความเสียหายที่ส่งผลกระทบต่อทั้งชื่อเสียง, ชีวิต, และทรัพย์สิน

ในปัจจุบันแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่าง Facebook ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโปรแกรม AI สำหรับตรวจจับวิดีโอที่ผ่านการตัดต่อโดยเทคโนโลยี Deepfake ซึ่งมีความแม่นยำถึง 65% แต่บรรดาผู้พัฒนาต่างคิดว่าศักยภาพของมันยังไม่เพียงพอที่จะปกป้องบรรดาผู้ใช้งานได้ ดังนั้นแล้วในขณะนี้จึงอาจกล่าวได้ว่า Deepfake เป็นเทคโนโลยีที่อันตรายและยังไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งมันอาจถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการก่ออาชญากรรมได้ เพราะฉะนั้นผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างเราจึงจำเป็นต้องมีความตระหนักรู้ (awareness) ในการใช้งานเทคโนโลยีต่าง ๆ และต้องมีความระมัดระวังอย่างมากในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอัตลักษณ์ส่วนบุคคล เช่น ภาพใบหน้า, ลายนิ้วมือ หรือม่านดวงตา เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองกลายเป็นเหยื่อของการโดนสวมรอย หรือการขโมยตัวตนที่อาจสร้างความเสียหายได้อย่างคาดไม่ถึง

ปกป้ององค์กรของท่านจากการโจมตีทางไซเบอร์
ติดต่อเรา Cloudsec Asia
ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำของเอเชียแปซิฟิก
Tel.+66 2117 9668
www.cloudsecasia.com


#cybersecurity
#cybersecurityisamust
#cloudsecasia

References
Brownlee, J., 2021. What is Deep Learning?. [online] Machine Learning Mastery. Available at: <https://machinelearningmastery.com/what-is-deep-learning/> [Accessed 22 July 2021].
Luthera, N., 2021. Council Post: The Dark Side Of Deepfake Artificial Intelligence And Virtual Influencers. [online] Forbes. Available at: <https://www.forbes.com/…/the-dark-side-of-deepfake…/…> [Accessed 22 July 2021].